เรื่อง เมื่อข้ากลายเป็นสามียอดยุทธ์ของท่านแม่คนงาม

ติดตาม
บทที่ 16 พานพบกันอีกครั้ง  
บทที่ 16 พานพบกันอีกครั้ง  
  • ปรับสีและขนาดตัวอักษร

‘กามราคะคือต้นกำเนิดของสรรพสิ่ง ไร้กามราคะก็ไร้ซึ่งชีวิต เคลื่อนลมปราณลงไปยังจุดมูลธารตรงหว่างขา กำหนดให้ไหลวนไปมาทั่วแก่นกาย ตั้งสมาธิให้เป็นหนึ่งเดียวไม่ว่อกแว่ก ไม่ฟุ้งซ่าน ประสานใจให้เป็นหนึ่งกับร่างกายท่อนล่าง เปิดจุดชีพจรตรงขาหนีบ และเชิงกร้าน ก่อกำเนิดเป็นเคล็ดวิชา เทวะกามาสูรท่อนล่าง’

เหล่านี้คือตัวอักษรที่สลักอยู่บนกำแพง ซูหยวนเย่ อ่านทบทวนไปมาด้วยความสนใจ มันไม่รู้จักเคล็ดวิชานี้ ในความทรงจำของซูอี้หนานก็ไม่มีด้วย แต่เดาว่าย่อมต้องเป็นวิชาล้ำลึกแน่นอน ไม่งั้นคงไม่ถูกซ่อนอยู่ในที่แห่งนี้

“วิชาของผู้ใด? ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่น่าจะเป็นสุดยอดวิชามิเช่นนั้นคงไม่ถูกซ่อนไว้แบบนี้ ถ้าข้าลองฝึกมันจะช่วยให้เอาชนะเจ้าเฒ่าลามกได้ไหมนะ” ซูหยวนเย่ขมวดมุ่นคิ้วด้วยความลังเล แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจท่องเคล็ดวิชาบนผนัง และฝึกตามดู มันฝึกซ้ำไปมาราว ๆ ครึ่งก้านธูปก็พลันประหลาดใจเพราะคล้ายเลือดลมในร่างจะไหลเวียนดีขึ้น กำลังภายในกับลมปราณก็เพิ่มขึ้นอย่างน่าเหลือเชื่อ แถมซูหยวนเย่ยังรู้สึกถึงแก่นกายในเป้ากางเกงที่มีขนาดใหญ่กว่าเดิม แถมไม่ใช่ ในยามที่เกิดอารมณ์กำหนัดทางเพศอีกด้วย

“อะ...อันใดกันทำร่างกายของข้าถึง” ซูหยวนเย่รู้สึกพลังอันมหาศาลที่ไหลวนอยู่ทั่วกายโดยเฉพาะกับช่วงร่าง แก่นกาย สะโพก ขาทั้งสองข้าง ฝ่าเท้าทั้งสอง ยามนี้มันรู้สึกเหมือนตนเองสามารถใช้วิชาตัวเบาอันสุดยอดได้ไม่ต่างจากหู่เริงอี้เลยทีเดียว

“วิเศษยิ่งนัก ทว่า...ถึงข้าจะมีวิชาตัวเบาพอ ๆ กับเจ้าเฒ่านั้น แต่เรื่องวรยุทธ์ยังห่างไกลกับมันอยู่หลายขั้นนัก หากจะเอาชนะคงต้องมี เคล็ดวิชาท่อนบนกระมัง ซึ่งไม่ได้อยู่ที่นี่” ซูหยวนเย่แหงนหน้ามองตัวอักษรบนผนังอีกครั้ง ก่อนจะทอดถอนหายใจออกมายาว ๆ ด้วยความผิดหวัง จากนั้นมันจึงหมุนกายเดินกลับออกมาทางเดิม ครั้นพอออกมาได้ช่องทางลับเมื่อครู่ก็ผสานปิดตัวกันตามเดิม

“ปิดเหมือนเดิมแล้ว เช่นนี้ก็ดีเจ้าเฒ่านั้นจะได้ไม่ต้องเข้าไปฝึก ขืนให้มันรู้ว่ามีสุดยอดวิชาเก็บซ่อนมีหวังทั้งตัวข้า ทั้งท่านแม่คงไม่รอดเป็นแน่” ซูหยวนเย่พึมพำออกมาเบา ๆ ด้วยโล่งใจ ทว่า...ในเวลาเดียวกัน เสียงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้น

“ทะ...ท่านพี่ เป็นท่านจริง ๆ ด้วย” ซูหยวนเย่ถึงกับพลันหันไปหาเสียงนั้นด้วยความตกใจก่อนจะร้องอุทานออกมา

“นะ...น้องหญิง!!!”

แม้จะดีใจมากที่ได้พบหน้ากันอีกครั้งแต่ ซูหยวนเย่ กับซูอิ๋งอิ๋งก็มีสติพอ ไม่หลุดปากเรียกแทนตัวกันว่าแม่ลูกให้ความแตก จากนั้นสองคนก็โผเข้ากอดกันด้วยความยินดี

“ท่านปลอดภัยดีใช่หรือไม่”

“ขะ...ข้าปลอดภัยดีแล้วเจ้าล่ะ”


“ข้าปลอดภัยดี ทีแรกคิดว่าจะต้องหลงอยู่ในค่ายกลจนตายเสียแล้วดีว่า....” ซูอิ๋งอิ๋งนิ่งชะงักก่อนคลายกอด แล้วหันไปมองชายชราหนวดเคราขาวหน้าตาลามกที่ยื่นยิ้มน่าเกลียดอยู่ด้านหลังนาง สายตาของหู่เริงอี้เป็นประกาย พร้อมจับจ้องอยู่ที่บั้นท้ายกลมกลึงของซูอิ๋งอิ๋งราวกับจะกลืนกินเสียให้ได้

“ดะ...ดีว่าเขาปรากฏตัวขึ้น พร้อมบอกเล่าเรื่องของท่านให้ข้าทราบ” ซู่อิ๋งอิ๋งก้มหน้าเอ่ยเสียงแผ่วเบาด้วยความอับอาย นี่ถ้าเป็นผู้อื่นมาใช้สายตาล่วงเกินนางแบบนี้ มันผู้นั้นคงโดนควักลูกตา ไม่ก็ตายเป็นผีไร้ที่ฝังไปแล้ว แต่ซูอิ๋งอิ๋งทราบดีว่า วรยุทธ์ของนางด้อยกว่าหู่เริงอี้อยู่สองสามส่วน ขืนสู้ก็มีแต่จะพ่ายแพ้ แถมคงไม่ได้ออกไปจากค่ายกลด้วย ซูหยวนเย่ที่เห็นก็ได้แต่เจ็บแค้นแทนมารดา แต่มันก็ทำอะไรมากไม่ได้

“น่าเจ็บใจยิ่งนักเพราะข้าอ่อนด้วยฝีมือ ท่านแม่จึงถูกไอ้เฒ่าบ้ากามผู้ล่วงเกิน นี่ถ้าพวกเราเก่งกว่านี้มันจะต้องชดใช้อย่างสาสมเป็นแน่” ซูหยวนเย่ครุ่นคิดในใจด้วยความแค้น ทว่า...ในยามนั้นเองที่มันกลับนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

“พวกเราหรือ? จริงสิ แล้วน้องลิ่ว...!” สองตาของซูหยวนเย่เบิกกว้างเมื่อนึกถึงลิ่วอี้ปายขึ้นมาได้ ทว่า...ยังไม่ทันจะคิด๯๢ร่างงามอวบอัดร่างหนึ่งก็พลันพุ่งเข้ามากอดมันแน่น ชนิดไม่ทันตั้งตัว

“ท่านพี่...ท่านเป็นอย่างไรบ้าง บาดเจ็บตรงไหนหรือไม่ ข้าเป็นห่วงท่านแทบแย่” ดังคำโบราณว่าเข้าป่าอย่านึกถึงเสือ ไม่งั้นเสือจะปรากฏกาย ลิ่วอี้ป่ายยามนี้ก็ไม่ต่างกัน นางเดินตามหู่เริงอี้เข้ามาหลังสุดก่อนจะได้เห็นภาพของซูหยวนเย่ กับซูอิ๋งอิ๋งกอดกัน ลิ่วอี้ป่ายพลันบังเกิดความอิจฉารีบพุ่งตรงเข้ามาแทรกอย่างไม่เกรงใจ

“ลิ่วอี้ป่ายนี่เจ้า.....” ซูอิ๋งอิ๋งเซถลาไปด้านข้างเพราะโดนผลัก ก่อนที่นางจะถลึงตาใส่สตรีผู้ไร้ยางอายอย่างลิ่วอี้ป่าย แต่แล้วก็ไม่ได้อ้าปากพูดอะไร ก่อนจะกอดอกและหันขวับไปอีกด้านด้วยความโกรธ ซูหยวนเย่ก็ได้แต่ยิ้มเจื่อน ๆ ด้วยความลำบากใจ

“เฮ้อออ น่าอิจฉายิ่งนักได้กอดก่ายสาวงามถึงสองคน ไอ้หนุ่มเอยเจ้าช่างโชคดีจริง ๆ แต่ว่าพอแค่นี้เถอะ พวกเรามีงานใหญ่ต้องทำ เจ้าจำได้หรือไม่” หู่เริงอี้เอ่ยขึ้นรอยยิ้มชั่วร้ายน่ารังเกียจ

“นะ...นั้นสินะ”

“เจ้าเฒ่านี่ทำข้าเสียอารมณ์หมด แต่ก็จริงอย่างที่มันว่า ยามนี้พวกเราต้องทำลายเสาทั้งสี่ต้นเพื่อออกไปจากค่ายกลเสียก่อน ออกไปได้เมื่อ ข้าค่อยกอดท่านพี่ให้หายคิดถึงทั้งคืนก็ยังได้” ลิ่วอี้ป่ายทำหน้ากึ่งยิ้มกึ่งไม่พอใจ ก่อนจะคลายกอดซูหยวนเย่ จากนั้น หู่เริงอี้ก็เดินเข้ามาใกล้ ๆ และเริ่มอธิบายถึงที่ตั้งของเสาศิลาสี่ต้นให้ทั้งสามคนฟัง

“เช่นนั้นก็ตามนี้ ไอ้หนุ่มเจ้าไปทางทิศเหนือ นับก้าวเดินตามที่ข้าบอก ไปถึงแล้วรออยู่ที่นั่น ครึ่งก้านธูปค่อยลงมือทำลายเสา ข้าจะไปทางทิศใต้ ซูอิ๋งอิ๋งเจ้าไปทางตะวันตก ลิ่วอี้ป่ายเจ้าไปตะวันออก”

“ขอถามผู้อาวุโสเมื่อทำลายเสาแล้วจะเกิดอันใดขึ้นต่อ แล้วพวกเราจะมาพบกันที่ใด”


“สิ่งที่จะเกิดหลังจากทำลายเสาศิลาทั้งสี่ต้นในเวลาไล่เลี่ยกันสำเร็จ ภาพลวงตาของค่ายกล-อก-องจะหายไปยังไงล่ะ จากนั้นพวกเราทั้งสี่คนก็น่าจะมาอยู่รวมกันในที่เดียวตรงทางออกของป่า”

“เช่นนี่นี้เอง” ซูหยวนเย่พยักหน้ารับอย่างแช่มช้า

“เอาล่ะ ในเมื่อพวกเจ้าเข้าใจแผนการแล้วเช่นนั้นก็จงแยกย้ายกันไปได้ ข้าอยากจะออกไปจากไอ้ค่ายกลบ้า ๆ นี่เต็มแก่แล้ว” หู่เริงอี้กล่าว๯๢ ลิ่วอี้ป่ายก็หมุนกายเดินออกจากถ้ำไปคนแรก ตามด้วยซูอิ๋งอิ๋ง ซึ่งก่อนไปนางยังหันมาระบายยิ้มให้บุตรชายในร่างสามี ก่อนจะเอ่ยว่าเดี๋ยวพบกัน ซูหยวนเย่ก็ยิ้ม และพยักหน้ารับนาง และมันก็คิดจะก้าวเท้าออกไปเช่นกัน ทว่า...ยังไม่ทันจะได้ไปเสียงของ หู่เริงอี้ก็ดังขึ้น

“ช้าก่อนไอ้หนุ่ม” น้ำเสียงนั้นทำเอาซูหยวนเย่ขนลุกซู่ และจำต้องชะงักนิ่งไปชั่วขณะก่อนจะพลันหันมาหาเฒ่าลามก

“มะ...มีอันใดหรือท่านผู้อาวุโส” มันเอ่ยถามเสียงสั่นเครือ พร้อมท่าทางมีพิรุธ หู่เริงอี้ที่เห็นจึงหรี่ตามองก่อนจะเอ่ยถามว่า

“ข้ามีเรื่องจะถามเจ้าสักหน่อย ก่อนหน้านี้ที่ข้าออกไปพาเมียเจ้ามา เจ้าอยู่ในถ้ำพบเจออะไรแปลก ๆ หรือไม่” หู่เริงอี้แค่นเสียงถามพร้อมสีหน้าจริงจัง ซึ่งซูหยวนเย่ที่เฉลียวฉลาดก็ทราบในพลันว่าคำตอบที่ เฒ่าลามกต้องการจะถามจริง ๆ ก็คือ ‘เจ้าพบทางลับที่เข้าไปยังห้องที่มีเคล็ดวิชาเทวะกามสูรท่อนล่างหรือไม่’

“อะ...อะไรแปลก ๆ กระนั้นหรือ ไม่นะ ข้าไม่พบ ยามที่ท่านออกไป ข้าก็นั่งเบื่อ ๆ รอท่านกลับมา อะไรแปลก ๆ ที่ผู้อาวุโสหมายถึงมันคือสิ่งใดหรือ”

หูเริงอี้เพ่งมองซูหยวนเย่คล้ายกับไม่เชื่อวาจาอยู่สักพักก่อนจะเอ่ยว่า “ไม่เดินสำรวจเลยหรือ ช่างน่าผิดหวังจริง ๆ นี่เจ้าคงจะครุ่นคิดถึงแต่พวกนางสินะ เอ่อ ๆ ช่างเถอะ รีบไปได้แล้ว อ้อ แล้วก็อย่าลืมเรื่องข้อแลกเปลี่ยนล่ะ คิดดี ๆ ว่าจะให้ผู้ใดกับข้า หรือจะให้ข้าทั้ง...”

“อ้อ เรื่องนั้นข้าคิดไว้แล้วท่านไม่ต้องเตือนหรอก ผู้น้อยมีหรือจะกล้าหลอกลวงท่าน” ซูหยวนเย่พลันเอ่ยออกมาตัดบทของหูเริงอี้ จากนั้นมันก็หมุนกาย และวิ่งนอกถ้ำไปอย่างรวดเร็ว ส่วนเจ้าเฒ่าลามกพอได้ฟังแบบนั้นรอยยิ้มลามกน่าเกลียดก็พลันผุดขึ้นที่มุมปาก ก่อนที่มันจะเดินตามซูหยวนเย่ออกมา แล้วพุ่งกระโจนลอยตัวไปยังทิศใต้ซึ่งมีเสาศิลาที่มันต้องทำลายทิ้งอยู่...

๯๢บท

ตอนต่อไป
บทที่ 17 ซูอิ๋งอิ๋งจำใจกลืนกิน...

นิยายแนะนำ

นิยายแนะนำ

ความคิดเห็น

COMMENT

ปักหมุด

© สงวนลิขสิทธิ์ 2017 Glory Forever Public Company Limited( Kawebook.com )

Glory Forever Public Company Limited ( Kawebook.com )
ที่อยู่ : 20 หมู่ที่ 6 ตำบลพันท้ายนรสิงห์ อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร 74000
เวลาทำการ : 08 : 00 - 18 : 00 จันทร์ - เสาร์
e-mail : contact@kawebook.com

DMCA.com Protection Status

เริ่มต้นเผยแพร่ผลงาน

เริ่มต้นเป็นนักเขียนออนไลน์ เขียนเรื่องราวที่ประทับใจ สร้างเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ และแบ่งปันประสบการ์ดีๆ กับผู้คนทั่วโลก kawebook.com เป็นโอกาส เป็นสื่อกลาง และยังเป็นอีกหนึ่งช่องทาง ในการสร้างรายได้ให้กับนักเขียนมืออาชีพ และนักเขียนมือสมัครเล่นจากทุกมุมโลก เพียงสมัครเป็นสมาชิกเว็บไซต์เพื่อเขียนหนังสือ การ์ตูน หรืออัพโหลดอนิเมชั่น ที่เป็นผลงานของท่าน และเผยแพร่ผลงานสู่สาธารณชน

© สงวนลิขสิทธิ์ 2017 Glory Forever Public Company Limited ( Kawebook.com )

© สงวนลิขสิทธิ์ 2017 Glory Forever Public Company Limited ( Kawebook.com )

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา